อึ่งอางระเบิดตูม
เมื่อ พูดถึง อึ่งอาง หนึ่งในลักษณะเด่นของพวกมันก็คือ การพองตัว แต่ ถ้าแค่นี้มันคงไม่เป็นเรื่องราวประหลาดอะไร แต่ถ้าพวกมันไม่ พองตัวจนตัวระเบิด เครื่องนงเครื่องในแตกกระจาย กระเด็นไปไกลเป็นเมตรๆ
รายละเอียดเกี่ยวกับ อึ่งอางระเบิด
เมื่อ พูดถึง อึ่งอาง หนึ่งในลักษณะเด่นของพวกมันก็คือ การพองตัว แต่ ถ้าแค่นี้มันคงไม่เป็นเรื่องราวประหลาดอะไร แต่ถ้าพวกมันไม่ พองตัวจนตัวระเบิด เครื่องนงเครื่องในแตกกระจาย กระเด็นไปไกลเป็นเมตรๆ
รายละเอียดเกี่ยวกับ อึ่งอางระเบิด
- เรื่องราว อึ่งอางระเบิด ตกเป็นข่าวกระจายไปทั่วเมื่อราวเดือนเมษายน 2005
- เมื่อมีผู้พบเห็น อึ่งอาง ที่ Altona ในเมือง ฮัมบูรค์(Hamburg) ประเทศเยอรมัน พองตัวจนตัวระเบิด เครื่องในกระจายไปไกลเป็นเมตร
- จนบริเวณทะเลสาบที่เป็นที่อยู่ของ อึ่งอาง ถูกขนานนามว่า Tümpel des Todes ในภาษาเยอรมัน (Pool of Death หรือ บึงแห่งความตาย)
- โดยปรากฏการณ์ประหลาดนี้ จะเกิดขึ้นถี่ในช่วงเวลา ตีสอง ถึง ตีสาม
- พยานที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า เห็นอึ่งอางขยายตัวขึ้นถึง 3.5 เท่ากว่าช่วงปกติ ก่อนที่จะระเบิดเป็นจุล และหลังจากระเบิดพวกมันยังมีชีวิตอยู่อีกเป็นระยะเวลาสั้น
- นาย Werner Smolnik นักเคลื่อนไหวเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ระบุว่ามี จำนวนอึ่งอางที่ระเบิด ตายมากถึง 1000 ตัว ในช่วงเวลา 2-3 วัน
- สัตว์แพทย์ นามว่า Franz Mutschmann ได้ทราบถึงเรื่องราวประหลาดนี้จึงได้เข้า เก็บรวบรวมเศษซากของเหล่าอึ่งอางที่ระเบิด เพื่อทำการชันสูตร เพื่อหาเงือนงำของ ปรากฏการณ์ประหลาดนี้
- Franz Mutschmann ได้สร้างสมติฐานของปรากฏการณ์ประหลาดนี้ว่าเชื่อมโยงกับ อีกา กับ ลักษณะการป้องตัวของอึ่งอาง
- โดย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อมีการเพิ่มขึ้นของอีกาในพื้นที่ โดยเขาบอกว่า อีกานั้นเป็นสัตว์ที่ฉลาด และชอบกิน ตับอึ่งอาง แต่ไม่กินอึ่งอางทั้งตัวเนื่องจากอึ่งอางเป็นสัตว์มีพิษ อีกาจึงค้นคิดวิธีกินตับกบ โดย
- อีกาจะใช้จงอยปากจิก อึ่งอางผ่านผิวหนัง บริเวณระหว่างช่องอก กับช่องท้อง ดึงเอาตับออกไปอย่างเดียว
- เมื่อ อึ่งอางถูกโจมตี ปฏิกริยาป้องกันตัวของอึ่งอางจะทำงานโดยอัตโนมัติ คือ พวกมันจะพองตัว แต่เนื่องจากบาดแผลที่ถูกจิก และตับที่หายไป ทำให้หลอดเลือดของอึ่งอาง และปอดของมันแตกออก นำไปสู่การระเบิด
- บ้างก็ว่าเกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรือเชื้อรา แต่จากการตรวจสอบในห้องปฏิบัติการณ์ก็ไม่พบการติดเชื้อใด ในซากอึ่งอาง
- http://en.wikipedia.org/wiki/Exploding_animal
กบมีกระเป๋า
ออสเตรเลีย ทวีปแห่งสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้อง เชื่อหรือไม่ว่า ไม่เว้นแม้แต่กบ ก็มี กระเป๋ากับเขาด้วยเหมือนกัน แต่เป็นกระเป๋ากางเกง แทนกระเป๋าหน้าท้องซะงั้น
รายละเอียดเกี่ยวกับ กระมีกระเป๋า
ออสเตรเลีย ทวีปแห่งสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้อง เชื่อหรือไม่ว่า ไม่เว้นแม้แต่กบ ก็มี กระเป๋ากับเขาด้วยเหมือนกัน แต่เป็นกระเป๋ากางเกง แทนกระเป๋าหน้าท้องซะงั้น
รายละเอียดเกี่ยวกับ กระมีกระเป๋า
- กบมีกระเป๋า (Pouched Frog) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Assa darlingtoni
- กบ มีกระเป๋า เป็นกบบก ที่อาศัยหลบอยู่ใต้ขอนไม้ ใบไม้ ในป่าฝนในภูเขาทางตะวันออกเฉียงใต้ ของรัฐควีนส์แลนด์(Queensland) และทางเหนือของ รัฐนิวเซาทเวลส (South Wales) ของประเทศ ออสเตรเลีย
- กบมีกระเป๋า เป็น กบ สายพันธุ์เดียวในสกุล(Genus) Assa
- กบมีกระเป๋าเป็นกบขนาดเล็กมีความยาวประมาณ 2.5 เซ็นติเมตร มีสีน้ำตาลแดง มีจุดสีน้ำตาลอ่อน บนหลัง มีรูปร่างเป็นตัว V
- แต่ สิ่งที่แปลกประหลาดคือ ที่เอวทั้งสองข้างของกบมีกระเป่า จะมีช่องที่มีลักษณะคล้ายกระเป๋า ที่มีสำหรับใช้เป็นที่อยู่อาศัยของลูกอ๊อด หลังจากฟักออกมาจากไข่
- กบมีกระเป๋า สามารถผสมพันธุ์ครั้งแรกเมื่อมีอายุ 2 - 3 ปี โดยกบตัวเมียจะวางไข่ 1 - 50 ฟอง/ปี
- โดยกบตัวเมียจะสร้างรัง ไว้ใต้ขอนไม้ หรือใบไม้ และวางไข่(บนบก) โดยกบทั้งตัวผู้ และตัวเมียจะช่วยกันปกป้องรังที่วางไข่
- เมื่อ ลูกอ๊อดฟักออกมาจากไข่จะย้ายเข้าไปอาศัยอยู่ในกระเป๋าบริเวณเอว ของ กบตัวผู้ ลูกอ๊อดเหล่านี้สามารถอาศัยอยู่ในกระเป๋าโดยไม่ต้องง้อน้ำ
- ภาพจั่วหัวจะเห็น เส้นสีขาวขุ่นที่ข้างขากบ คือ หางของลูกอ๊อดที่โผล่ออกมาจากกระเป๋า ของ พ่อกบ
ก้อนอะไร?
สิ่ง ที่เห็นนี้หากมองผ่านอาจจะนึกว่าเป็นก้อนเนื้อ หนึ่งก้อน มันคือกบที่มีรูปร่างป้อม เตี้ย อ้วน ไม่เหมือน กบ เอาซะเลย ที่มีชื่อว่า กบเต่า
รายละเอียดเกี่ยวกับ กบเต่า
สิ่ง ที่เห็นนี้หากมองผ่านอาจจะนึกว่าเป็นก้อนเนื้อ หนึ่งก้อน มันคือกบที่มีรูปร่างป้อม เตี้ย อ้วน ไม่เหมือน กบ เอาซะเลย ที่มีชื่อว่า กบเต่า
รายละเอียดเกี่ยวกับ กบเต่า
- กบเต่า(Turtle frog ) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Myobatrachus gouldii
- กบเต่า เป็น กบเพียง กบ เพียงสายพันธุ์เดียวใน ในสกุล(genus) Myobatrachus
- กบเต่า เป็น กบที่มีรูปร่างแปลกไม่เหมือนกบทั่วไป คือ เป็นกบที่มีหัวเล็กสั้น ขาสั้น มีร่างกายกลม มีความยาวประมาณ 4.5 เซ็นติเมตร
- กบ เต่า มีถิ่นที่อยู่อาศัย ระหว่าง Geraldton กับ แม่น้ำFitzgerald ใน เมืองเพิร์ธ(Perth) ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งในบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่กึ่งแห้งแล้ง
- กบเต่า ได้ปรับตัวเขากับถิ่นที่อยู่อาศัย คือพัฒนากล้ามเนื้อขาให้ใหญ่แต่สั้นป้อม เพื่อใช้ในการขุดดิน ขุดทราย แต่ การขุดของ กบเต่านั้นไม่เหมือนกบทั่วๆไป ที่จะขุดถอยหลังเพื่อใช้ในการฝังตัวลงในโคลนเพื่อซ่อนตัว
- แต่ กบเต่า ใช้การขุดเดินหน้า เพื่อใช้ขุดทะลวงสู่ จอมปลวก เพื่อจับปลวกกินเป็นอาหาร
กบม่วง
กบม่วง นะ ไม่ใช่ กบดำ กบแดง (ตาใครแล้วรีบๆจั่ว เก่งไม่กลัวกลัวช้า!) แน่นอนเมื่อเห็นรูปก็ต้องรู้ว่าที่มาของชื่อพวกมันแน่นอน
รายละเีอียดเกี่ยวกับ กบม่วง
กบม่วง นะ ไม่ใช่ กบดำ กบแดง (ตาใครแล้วรีบๆจั่ว เก่งไม่กลัวกลัวช้า!) แน่นอนเมื่อเห็นรูปก็ต้องรู้ว่าที่มาของชื่อพวกมันแน่นอน
รายละเีอียดเกี่ยวกับ กบม่วง
- กบม่วง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า sahyadrensis Nasikabatrachus
- เป็น กบ ที่พึ่งมีการค้นพบเมื่อเดือนตุลาคม 2003 นี้เอง และพบเฉพาะที่ ทางตะวันตกของ Ghats ใน อินเดีย เท่านั้น
- พวกมันรู้จักกันในชื่อว่า กบม่วง(Purple Frog) และกบจมูกหมู(Pignose Frog) อู๊ดๆ
- กบม่วงมีร่างกายที่ค่อนข้างกลม ขากางออก มีหัวเล็ก จมูกแหลมยื่นยาว ตาเล็ก
- กบม่วงยังมีเสียงร้องประหลาด คือ ร้องเหมือนเสียงไก่
- กบม่วงใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ใต้ดิน จะขึ้นสู่ผิวเดินเพียงปีละประมาณ 2 เดือนในช่วงหน้าฝนเพื่อการผสมพันธุ์
- การที่พวกมันใช้ชีวิตอยู่ใต้ดินทำให้ อาหารหลักของพวกมันคือ ปลวก โดยใช้ลิ้นจับปลวกกิน เป็นอาหาร
คางคกประหลาด ออกลูกเป็นตัว
หากพูดถึงสัตว์ในตระกูล คางคก พวกมันทั้งหมดออกลูกเป็นไข่ ยกเว้นเพียงสายพันธุ์ Nectophrynoides เท่านั้นที่ออกลูกเป็นตัว
รายละเอียด
หากพูดถึงสัตว์ในตระกูล คางคก พวกมันทั้งหมดออกลูกเป็นไข่ ยกเว้นเพียงสายพันธุ์ Nectophrynoides เท่านั้นที่ออกลูกเป็นตัว
รายละเอียด
- พวก มันเป็นคางคกเฉพาะถิ่นพบได้ที่ เทนซาเนีย(Tanzania) เท่านั้น โดยคางคกบางสายพันธุ์ที่พบในเทนซาเนีย นั้นมีลักษณะเฉพาะที่หาที่ไหนไม่ได้ คือ ออกลูกเป็นตัว คือ คางคกสายพันธุ์ Nectophrynoides viviparous
- พวกมันเป็นคางคกบก ที่อาศัยอยู่ตามป่าไผ่ ทุ่งหญ้าบริเวณชายป่า
- เนื่อง จากออกลูกเป็นตัว ทำให้พวกมันใช้การสืบพันธุ์ภายใน คือ เกิดการปฏิสนธิภายในร่างกาย แทนที่จะใช้การปฏิสนธิภายนอก(การปฏิสนธิภายนอก คือ ตัวเมียวางไข่ในน้ำ หรือตามพื้นดิน ใบไม้ ใบหญ้า ฯ แล้วผสมกับน้ำเชื้อของตัวผู้ภายนอกร่างกาย เหมือน ดั่งกบ และคางคกทั่วไป)
- แต่ สำหรับ คางคกNectophrynoides viviparous พ่อคางคกจะผสมพันธุ์กับตัวเมีย ผ่านอวัยวะเพศผู้ผ่านอวัยวะเพศเมีย โดยตัวเมียจะฟักใข่ เลี้ยงลูกอ๊อต ภายในร่างกายของตัวเมีย และถือกำเนิดลูกคางคกออกมาเป็น คางคกน้อย โดยข้ามขั้นตอนการ ลูกอ๊อต ไป
- แต่จุดเด่น และแลดูแปลกประหลาดที่สุดพวกมันคือ ปุ่มสีสดใสตามตัวของพวกมัน
กบ สัตว์ตัวเล็กๆ ที่เราเห็นว่าดูไม่มีพิษไม่มีภัยใดๆ กับ เรา(ไม่นับรวมกบพิษ ต่างๆ) ก็เนื่องจากมนุษย์มีขนาดใหญ่โตเกินกว่าที่พวกมันจะกลืนลง กระเพาะ แต่ สำหรับสิ่งมีชีวิตที่ตัวเล็กกว่าพวกมันแล้ว พวกมันกินทุกอย่างที่เห็น ทั้ง นก หนู งู แมงป่อง แมงมุม ทุกอย่างที่เล็กและเคลื่อนไหวได้นั้นไม่ปลอดภัย เมื่ออยู่ต่อหน้าลิ้นเหนียวๆ ของ พวกมัน
รายละเอียด
- เนื่องด้วย พฤติกรรมในการกินของพวกมัน ที่จะจับกินทุกสิ่งอย่างที่มีขนาดเล็กกว่าพวกมัน ที่เคลื่อนไหวได้
- กบ มีฟันเฉพาะกรามบน ฟันนี้มีหน้าบดอาหาร ฟันไม่แข็ง หรือแหลมคมพอที่จะใช้ในการล่าเหยื่อ หรือกัดให้เกิดบาดแผลรุนแรง จนเหยื่อเสียชีวิต
- เนื่องจากนิสัยที่กินไม่เลือก ทำให้บางครั้งมันกินสิ่งที่ไม่สามารถย่อย กินสิ่งที่มีพิษ กินสิ่งที่ทำให้ก่อเกิดความระคายเคื่องในกระเพาะ เข้าไป
- สำหรับมนุษย์เรานั้นก็มีวิธีแก้ไขเหตุการณ์ดังกล่าวโดยการอาเจียนอาหารเหล่านั้นออกมา แต่กบมีวิธีอ๊วก ที่เราคาดไม่ถึง
- มนุษย์อ๊วกเฉพาะอาหารออกมา แต่ กบ อ๊วกเอาอาหารออกมา พร้อมกับเครื่องใน ของมันออกมาด้วย
- เมื่ออ๊วกพลิกกระเพาะออกมากองอยู่นอกร่างกาย พวกมันยังใช้ขาหน้าทำความสะอาด กระเพาะ เป็นการล้างท้องไปในตัวอีกต่างหาก
- หลังจากล้างกระเพาะจนสะอาดเอี่ยม พวกมันก็จะกลืนกระเพาะกับเข้าไปทางปาก เหมือนปกติ
- โดยไม่บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต แต่อย่างไร
- หากไม่เห็นภาพ โปรดดู คลิปวีดีโอข้างล่าง รับรองว่าสุดยอดสยองทีเดียว
อันนี้เป็นกบสีน้ำเงินแอฟริกา กินหนูเข้าไปทั้งตัว
อันนี้ภาพจริง ดูว่าพวกมันกินทุกอย่างจริง ไม่เว้นแม้แต่หลอดไฟ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น