วันพุธที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ปรากฏการณ์ประหลาด อึ่งอาง ระเบิด

อึ่งอางระเบิดตูม

เมื่อ พูดถึง อึ่งอาง หนึ่งในลักษณะเด่นของพวกมันก็คือ การพองตัว แต่ ถ้าแค่นี้มันคงไม่เป็นเรื่องราวประหลาดอะไร แต่ถ้าพวกมันไม่ พองตัวจนตัวระเบิด เครื่องนงเครื่องในแตกกระจาย กระเด็นไปไกลเป็นเมตรๆ

รายละเอียดเกี่ยวกับ อึ่งอางระเบิด

  • เรื่องราว อึ่งอางระเบิด ตกเป็นข่าวกระจายไปทั่วเมื่อราวเดือนเมษายน 2005
  • เมื่อมีผู้พบเห็น อึ่งอาง ที่ Altona ในเมือง ฮัมบูรค์(Hamburg) ประเทศเยอรมัน พองตัวจนตัวระเบิด เครื่องในกระจายไปไกลเป็นเมตร
  • จนบริเวณทะเลสาบที่เป็นที่อยู่ของ อึ่งอาง ถูกขนานนามว่า Tümpel des Todes ในภาษาเยอรมัน (Pool of Death หรือ บึงแห่งความตาย)
  • โดยปรากฏการณ์ประหลาดนี้ จะเกิดขึ้นถี่ในช่วงเวลา ตีสอง ถึง ตีสาม
  • พยานที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า เห็นอึ่งอางขยายตัวขึ้นถึง 3.5 เท่ากว่าช่วงปกติ ก่อนที่จะระเบิดเป็นจุล และหลังจากระเบิดพวกมันยังมีชีวิตอยู่อีกเป็นระยะเวลาสั้น
  • นาย Werner Smolnik นักเคลื่อนไหวเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ระบุว่ามี จำนวนอึ่งอางที่ระเบิด ตายมากถึง 1000 ตัว ในช่วงเวลา 2-3 วัน
  • สัตว์แพทย์ นามว่า Franz Mutschmann ได้ทราบถึงเรื่องราวประหลาดนี้จึงได้เข้า เก็บรวบรวมเศษซากของเหล่าอึ่งอางที่ระเบิด เพื่อทำการชันสูตร เพื่อหาเงือนงำของ ปรากฏการณ์ประหลาดนี้
  • Franz Mutschmann ได้สร้างสมติฐานของปรากฏการณ์ประหลาดนี้ว่าเชื่อมโยงกับ อีกา กับ ลักษณะการป้องตัวของอึ่งอาง
  • โดย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อมีการเพิ่มขึ้นของอีกาในพื้นที่ โดยเขาบอกว่า อีกานั้นเป็นสัตว์ที่ฉลาด และชอบกิน ตับอึ่งอาง แต่ไม่กินอึ่งอางทั้งตัวเนื่องจากอึ่งอางเป็นสัตว์มีพิษ อีกาจึงค้นคิดวิธีกินตับกบ โดย
  • อีกาจะใช้จงอยปากจิก อึ่งอางผ่านผิวหนัง บริเวณระหว่างช่องอก กับช่องท้อง ดึงเอาตับออกไปอย่างเดียว
  • เมื่อ อึ่งอางถูกโจมตี ปฏิกริยาป้องกันตัวของอึ่งอางจะทำงานโดยอัตโนมัติ คือ พวกมันจะพองตัว แต่เนื่องจากบาดแผลที่ถูกจิก และตับที่หายไป ทำให้หลอดเลือดของอึ่งอาง และปอดของมันแตกออก นำไปสู่การระเบิด
  • บ้างก็ว่าเกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรือเชื้อรา แต่จากการตรวจสอบในห้องปฏิบัติการณ์ก็ไม่พบการติดเชื้อใด ในซากอึ่งอาง
ข้อมูลอ้างอิง

  • http://en.wikipedia.org/wiki/Exploding_animal

กบมีกระเป๋า

ออสเตรเลีย ทวีปแห่งสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้อง เชื่อหรือไม่ว่า ไม่เว้นแม้แต่กบ ก็มี กระเป๋ากับเขาด้วยเหมือนกัน แต่เป็นกระเป๋ากางเกง แทนกระเป๋าหน้าท้องซะงั้น

รายละเอียดเกี่ยวกับ กระมีกระเป๋า

  • กบมีกระเป๋า (Pouched Frog) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Assa darlingtoni
  • กบ มีกระเป๋า เป็นกบบก ที่อาศัยหลบอยู่ใต้ขอนไม้ ใบไม้ ในป่าฝนในภูเขาทางตะวันออกเฉียงใต้ ของรัฐควีนส์แลนด์(Queensland) และทางเหนือของ รัฐนิวเซาทเวลส (South Wales) ของประเทศ ออสเตรเลีย
  • กบมีกระเป๋า เป็น กบ สายพันธุ์เดียวในสกุล(Genus) Assa
  • กบมีกระเป๋าเป็นกบขนาดเล็กมีความยาวประมาณ 2.5 เซ็นติเมตร มีสีน้ำตาลแดง มีจุดสีน้ำตาลอ่อน บนหลัง มีรูปร่างเป็นตัว V
  • แต่ สิ่งที่แปลกประหลาดคือ ที่เอวทั้งสองข้างของกบมีกระเป่า จะมีช่องที่มีลักษณะคล้ายกระเป๋า ที่มีสำหรับใช้เป็นที่อยู่อาศัยของลูกอ๊อด หลังจากฟักออกมาจากไข่
  • กบมีกระเป๋า สามารถผสมพันธุ์ครั้งแรกเมื่อมีอายุ 2 - 3 ปี โดยกบตัวเมียจะวางไข่ 1 - 50 ฟอง/ปี
  • โดยกบตัวเมียจะสร้างรัง ไว้ใต้ขอนไม้ หรือใบไม้ และวางไข่(บนบก) โดยกบทั้งตัวผู้ และตัวเมียจะช่วยกันปกป้องรังที่วางไข่
  • เมื่อ ลูกอ๊อดฟักออกมาจากไข่จะย้ายเข้าไปอาศัยอยู่ในกระเป๋าบริเวณเอว ของ กบตัวผู้ ลูกอ๊อดเหล่านี้สามารถอาศัยอยู่ในกระเป๋าโดยไม่ต้องง้อน้ำ
  • ภาพจั่วหัวจะเห็น เส้นสีขาวขุ่นที่ข้างขากบ คือ หางของลูกอ๊อดที่โผล่ออกมาจากกระเป๋า ของ พ่อกบ
ข้อมูลอ้างอิง


ก้อนอะไร?

สิ่ง ที่เห็นนี้หากมองผ่านอาจจะนึกว่าเป็นก้อนเนื้อ หนึ่งก้อน มันคือกบที่มีรูปร่างป้อม เตี้ย อ้วน ไม่เหมือน กบ เอาซะเลย ที่มีชื่อว่า กบเต่า

รายละเอียดเกี่ยวกับ กบเต่า

  • กบเต่า(Turtle frog ) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Myobatrachus gouldii
  • กบเต่า เป็น กบเพียง กบ เพียงสายพันธุ์เดียวใน ในสกุล(genus) Myobatrachus
  • กบเต่า เป็น กบที่มีรูปร่างแปลกไม่เหมือนกบทั่วไป คือ เป็นกบที่มีหัวเล็กสั้น ขาสั้น มีร่างกายกลม มีความยาวประมาณ 4.5 เซ็นติเมตร
  • กบ เต่า มีถิ่นที่อยู่อาศัย ระหว่าง Geraldton กับ แม่น้ำFitzgerald ใน เมืองเพิร์ธ(Perth) ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งในบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่กึ่งแห้งแล้ง
  • กบเต่า ได้ปรับตัวเขากับถิ่นที่อยู่อาศัย คือพัฒนากล้ามเนื้อขาให้ใหญ่แต่สั้นป้อม เพื่อใช้ในการขุดดิน ขุดทราย แต่ การขุดของ กบเต่านั้นไม่เหมือนกบทั่วๆไป ที่จะขุดถอยหลังเพื่อใช้ในการฝังตัวลงในโคลนเพื่อซ่อนตัว
  • แต่ กบเต่า ใช้การขุดเดินหน้า เพื่อใช้ขุดทะลวงสู่ จอมปลวก เพื่อจับปลวกกินเป็นอาหาร
ข้อมูลอ้างอิง กบเต่า


กบม่วง

กบม่วง นะ ไม่ใช่ กบดำ กบแดง (ตาใครแล้วรีบๆจั่ว เก่งไม่กลัวกลัวช้า!) แน่นอนเมื่อเห็นรูปก็ต้องรู้ว่าที่มาของชื่อพวกมันแน่นอน

รายละเีอียดเกี่ยวกับ กบม่วง

  • กบม่วง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า sahyadrensis Nasikabatrachus
  • เป็น กบ ที่พึ่งมีการค้นพบเมื่อเดือนตุลาคม 2003 นี้เอง และพบเฉพาะที่ ทางตะวันตกของ Ghats ใน อินเดีย เท่านั้น
  • พวกมันรู้จักกันในชื่อว่า กบม่วง(Purple Frog) และกบจมูกหมู(Pignose Frog) อู๊ดๆ
  • กบม่วงมีร่างกายที่ค่อนข้างกลม ขากางออก มีหัวเล็ก จมูกแหลมยื่นยาว ตาเล็ก
  • กบม่วงยังมีเสียงร้องประหลาด คือ ร้องเหมือนเสียงไก่
  • กบม่วงใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ใต้ดิน จะขึ้นสู่ผิวเดินเพียงปีละประมาณ 2 เดือนในช่วงหน้าฝนเพื่อการผสมพันธุ์
  • การที่พวกมันใช้ชีวิตอยู่ใต้ดินทำให้ อาหารหลักของพวกมันคือ ปลวก โดยใช้ลิ้นจับปลวกกิน เป็นอาหาร
ข้อมูลอ้างอิง



คางคกประหลาด ออกลูกเป็นตัว

หากพูดถึงสัตว์ในตระกูล คางคก พวกมันทั้งหมดออกลูกเป็นไข่ ยกเว้นเพียงสายพันธุ์ Nectophrynoides เท่านั้นที่ออกลูกเป็นตัว

รายละเอียด

  • พวก มันเป็นคางคกเฉพาะถิ่นพบได้ที่ เทนซาเนีย(Tanzania) เท่านั้น โดยคางคกบางสายพันธุ์ที่พบในเทนซาเนีย นั้นมีลักษณะเฉพาะที่หาที่ไหนไม่ได้ คือ ออกลูกเป็นตัว คือ คางคกสายพันธุ์ Nectophrynoides viviparous
  • พวกมันเป็นคางคกบก ที่อาศัยอยู่ตามป่าไผ่ ทุ่งหญ้าบริเวณชายป่า
  • เนื่อง จากออกลูกเป็นตัว ทำให้พวกมันใช้การสืบพันธุ์ภายใน คือ เกิดการปฏิสนธิภายในร่างกาย แทนที่จะใช้การปฏิสนธิภายนอก(การปฏิสนธิภายนอก คือ ตัวเมียวางไข่ในน้ำ หรือตามพื้นดิน ใบไม้ ใบหญ้า ฯ แล้วผสมกับน้ำเชื้อของตัวผู้ภายนอกร่างกาย เหมือน ดั่งกบ และคางคกทั่วไป)
  • แต่ สำหรับ คางคกNectophrynoides viviparous พ่อคางคกจะผสมพันธุ์กับตัวเมีย ผ่านอวัยวะเพศผู้ผ่านอวัยวะเพศเมีย โดยตัวเมียจะฟักใข่ เลี้ยงลูกอ๊อต ภายในร่างกายของตัวเมีย และถือกำเนิดลูกคางคกออกมาเป็น คางคกน้อย โดยข้ามขั้นตอนการ ลูกอ๊อต ไป
  • แต่จุดเด่น และแลดูแปลกประหลาดที่สุดพวกมันคือ ปุ่มสีสดใสตามตัวของพวกมัน
ข้อมูลอ้างอิง


อสูรเขียว แห่ง บึงหลังบ้าน

กบ สัตว์ตัวเล็กๆ ที่เราเห็นว่าดูไม่มีพิษไม่มีภัยใดๆ กับ เรา(ไม่นับรวมกบพิษ ต่างๆ) ก็เนื่องจากมนุษย์มีขนาดใหญ่โตเกินกว่าที่พวกมันจะกลืนลง กระเพาะ แต่ สำหรับสิ่งมีชีวิตที่ตัวเล็กกว่าพวกมันแล้ว พวกมันกินทุกอย่างที่เห็น ทั้ง นก หนู งู แมงป่อง แมงมุม ทุกอย่างที่เล็กและเคลื่อนไหวได้นั้นไม่ปลอดภัย เมื่ออยู่ต่อหน้าลิ้นเหนียวๆ ของ พวกมัน

รายละเอียด

  • เนื่องด้วย พฤติกรรมในการกินของพวกมัน ที่จะจับกินทุกสิ่งอย่างที่มีขนาดเล็กกว่าพวกมัน ที่เคลื่อนไหวได้
  • กบ มีฟันเฉพาะกรามบน ฟันนี้มีหน้าบดอาหาร ฟันไม่แข็ง หรือแหลมคมพอที่จะใช้ในการล่าเหยื่อ หรือกัดให้เกิดบาดแผลรุนแรง จนเหยื่อเสียชีวิต
  • เนื่องจากนิสัยที่กินไม่เลือก ทำให้บางครั้งมันกินสิ่งที่ไม่สามารถย่อย กินสิ่งที่มีพิษ กินสิ่งที่ทำให้ก่อเกิดความระคายเคื่องในกระเพาะ เข้าไป
  • สำหรับมนุษย์เรานั้นก็มีวิธีแก้ไขเหตุการณ์ดังกล่าวโดยการอาเจียนอาหารเหล่านั้นออกมา แต่กบมีวิธีอ๊วก ที่เราคาดไม่ถึง
  • มนุษย์อ๊วกเฉพาะอาหารออกมา แต่ กบ อ๊วกเอาอาหารออกมา พร้อมกับเครื่องใน ของมันออกมาด้วย
  • เมื่ออ๊วกพลิกกระเพาะออกมากองอยู่นอกร่างกาย พวกมันยังใช้ขาหน้าทำความสะอาด กระเพาะ เป็นการล้างท้องไปในตัวอีกต่างหาก
  • หลังจากล้างกระเพาะจนสะอาดเอี่ยม พวกมันก็จะกลืนกระเพาะกับเข้าไปทางปาก เหมือนปกติ
  • โดยไม่บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต แต่อย่างไร
  • หากไม่เห็นภาพ โปรดดู คลิปวีดีโอข้างล่าง รับรองว่าสุดยอดสยองทีเดียว

อันนี้เป็นกบสีน้ำเงินแอฟริกา กินหนูเข้าไปทั้งตัว


อันนี้ภาพจริง ดูว่าพวกมันกินทุกอย่างจริง ไม่เว้นแม้แต่หลอดไฟ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น